ถ้าพูดถึงที่สุดของมอเตอร์สปอร์ตแห่งวงการสองล้อแล้ว ก็คงหนีไม่พ้นรายการแข่งขันระดับโลกอย่าง MotoGP เพราะถือเป็นรายการที่ได้รวบรวมเอานักแข่งระดับหัวแถวของโลกไว้อย่างมากมาย นอกจากนั้นยังมีทีมแข่งชั้นนำหลายสิบทีม ต่างก็เข้าร่วมการแข่งขันเพื่อแสดงศักยภาพทางเทคโนโลยีของรถแข่งในสังกัด เรียกได้ว่าการแข่งขัน MotoGP คือที่สุดของการแข่งขันมอเตอร์ไซด์ระดับมืออาชีพอย่างแท้จริง
ความแตกต่างระหว่างรถแข่ง Moto3, Moto2 และ MotoGP
สำหรับรถแข่งที่ร่วมชิงชัยในรายการ MotoGP นั้น หลักๆ แล้วจะมีด้วยกันทั้งหมด 3 รุ่น ซึ่งได้แก่ Moto3, Moto2 และ MotoGP ซึ่งเป็นรุ่นใหญ่สุดและแรงที่สุด โดยรถแข่งทั้งสามรุ่นนี้ ใช้เครื่องยนต์ 4-จังหวะ DOHC เช่นเดียวกัน แต่จะมีรายละเอียดปลีกย่อย รวมไปถึงกฎกติกาที่แตกต่างกัน
Moto3
เป็นรถแข่งที่มีความแรงน้อยที่สุดในบรรดาทั้ง 3 รุ่น ใช้เครื่องยนต์ 4 จังหวะ กระบอกสูบเดี่ยว ความจุ 250 ซีซี สร้างแรงม้าได้ประมาน 55 แรงม้า และมีการจำกัดรอบเครื่องยนต์ไว้ที่ 14,000 RPM เชื้อเพลิงที่กำหนดให้ใช้คือน้ำมันเบนซินไร้สารตะกั่ว ออคเทน 98 (Unleaded 98 Octane) น้ำหนักของตัวรถและนักแข่งจะต้องไม่ต่ำกว่า 148 กิโลกรัม นอกจากนั้นแล้ว สำหรับรุ่น Moto3 ยังมีการจำกัดอายุนักแข่งอีกด้วย โดยนักบิดที่สามารถลงแข่งในรุ่นนี้ได้ต้องมีอายุไม่เกิน 28 ปี
Moto2
Moto2 หรือที่เรียกกันอีกชื่อหนึ่งว่ารุ่น 600 ซีซี นั่นก็เพราะว่ารถแข่ง Moto2 ใช้เครื่องยนต์ 4 จังหวะ 4 กระบอกสูบ ที่มีความจุ 600 ซีซี เครื่องยนต์ของรถแข่งทุกคันในรุ่นนี้ ถูกพัฒนาโดย HONDA และถูกจำกัดรอบเครื่องยนต์ไว้ที่ 18,000 RPM สร้างแรงม้าได้ 140 แรงม้าโดยประมาณ และสามารถทำความเร็วสูงสุดได้ 280 กิโลเมตรต่อชั่วโมง จานเบรกแบบคาร์บอนถูกสั่งห้ามใช้ในรถแข่ง Moto2 โดยสามารถใช้ได้เพียงแค่จานเบรกแบบเหล็กเท่านั้น และสำหรับในปีหน้า 2019 เครื่องยนต์ของรถแข่ง Moto2 จะถูกเปลี่ยนเป็นของ TRIUMPH ซึ่งมีเป็นเครื่องยนต์ 3 กระบอกสูบ ความจุ 765 ซีซี
MotoGP
MotoGP คือรถแข่งที่แรงที่สุด เร็วที่สุด เครื่องยนต์ 4 กระบอกสูบ 1,000 ซีซี สร้างแรงม้าได้สูงถึง 260 แรงม้า รอบเครื่องยนต์ถูกจำกัดไว้ที่ 18,000 RPM สามารถทำความเร็วได้สูงถึง 350 กิโลเมตรต่อชั่วโมง น้ำมันเชื้อเพลิงที่ใช้มีค่าออคเทนสูงถึง 100 ออคเทน
สำหรับรถแข่งในรุ่น MotoGP สามารถเลือกเครื่องยนต์ได้อย่างอิสระ โดยเครื่องยนต์ที่เลือกใช้นั้น จะต้องป็นเครื่องยนต์สูบเรียง (Inline-4) หรือเครื่องยนต์สูบวี (V4) ซึ่งเครื่องยนต์ทั้งสองแบบนี้ มีข้อได้เปรียบและเสียเปรียบที่แตกต่างกัน โดยทีมแข่งจะต้องเลือกใช้เครื่องยนต์ให้เหมาะสมกับตัวถังของรถมอเตอร์ไซด์ รวมไปถึงความชำนาญของนักแข่งก็ถือเป็นอีกหนึ่งปัจจัยในการเลือกเครื่องยนต์ด้วยเช่นกัน
และในปี 2018 นี้ ประเทศไทยได้มีโอกาสจัดการแข่งขันระดับโลก MotoGP ภายใต้ชื่อรายการ PTT Thailand Grand Prix 2018 ซึ่งจะมีขึ้นในวันที่ 5-7 ตุลาคม 2561 ณ สนามช้าง อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต จ.บุรีรัมย์ ครั้งแรกของเมืองไทย ที่จะได้สัมผัสบรรยากาศการแข่งขันระดับโลก จากนักแข่ง และทีมแข่ง MotoGP ที่เหล่าแฟนๆสาวก Biker ตัวจริงไม่ควรพลาด ซื้อบัตรได้แล้ววันนี้ ผ่าน 2 ช่องทาง คือ เคาร์เตอร์เซอร์วิส 7-11 ทุกสาขา และ ช่องทางออนไลน์ www.allticket.com
รายละเอียดการซื้อบัตร คลิก https://goo.gl/kkYzbx
ขอขอบคุณข้อมูลจาก auto.mthai